当前位置

首页 > 语言学习 > 泰语学习 > 泰语里奇奇怪怪的小知识 “屁股”这个词是怎么来的?

泰语里奇奇怪怪的小知识 “屁股”这个词是怎么来的?

推荐人: 来源: 阅读: 2.02W 次

大家都知道,泰语里的ตูด是屁股的意思,但这个词并不是非常文雅,在使用的时候一定要多注意语境,不然可能会让人觉得不礼貌哦! 那你知道这个词是怎么来的吗?其实它的背后还有很有意思的故事,一起来看看吧!

泰语里奇奇怪怪的小知识 “屁股”这个词是怎么来的?

ตูด เป็นคำศัพท์ที่สื่อความถึงอวัยวะส่วนหนึ่งของมนุษย์ และความหมายแทนสัดส่วนของสิ่งอื่นได้อีก แต่คำนี้มีที่มาอย่างไร เมื่อลองสืบค้นดูแล้วก็พบข้อมูลในจดหมายเหตุของผู้เข้ามาเป็นตรีทูตสมัยพระนารายณ์มหาราช
ตูด 是人的器官之一,或 者来指代物体的部位也可以,但这个词是怎么来的?收集资料之后发现这个词出现在了阿瑜陀耶时期纳莱王使臣的记录当中。

ขณะที่ค้นหาข้อมูลจากนิตยสารศิลปวัฒนธรรมฉบับเก่า เราก็พบบทความของ “คุณไมค์” หรือไมเคิล ไรท์ อดีตที่ปรึกษาทางวิชาการของศิลปวัฒนธรรมผู้ล่วงลับไปแล้ว รวบรวมข้อมูลที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นมาของคำว่า “ตูด” ไว้อย่างสนุกสนาน จากคอลัมน์ “นิรุกติศาสตร์จำเป็น” บทความ “ความเป็นมาของคำว่า ‘ตูด'” ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2525 จึงขอหยิบมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง ดังนี้
在查看旧时文化方面的杂志时,我们发现了已故的文化艺术专家Mike或Mike Right的文章,搜集了关于ตูด 这个词的来源,非常有趣,这篇文章出现在了“必要的语言学知识”专栏 ,题目为《ตูด 一词的来源》,1982年9月,于是拿来介绍。

ดูคำว่า “ตูด” อย่างเผินๆ แล้ว คงเข้าใจว่าเป็นศัพท์ไทยเดิม ไม่มีอาการแผลงเป็น “ตำนูด” หรือ “ตำบูด” อันอาจจะทำให้คิดว่าเป็นคำเขมรและในภาษามอญก็ไม่มีแนวเทียบ อย่างเช่น “สฺตูด์” หรือ “ขฺตูด์” จึงคงไม่เป็นคำที่มีรากมาจากภาษามอญเป็นแน่ สมควรเป็นคำไทยแท้อย่างเช่น “หมา” “หมู” “เป็ด” “ไก่” เป็นต้น
ตูด 这个词,从表面上看 ,会认为是传统的泰语词汇,没有出现像“ตำนูด”或“ตำบูด”这样的音变让人认为是高棉语,孟语里也没有像“สฺตูด์”或“ขฺตูด์”这样可以类比的,所以它肯定不是孟语里借来的词,应该是像“หมา” “หมู” “เป็ด” “ไก่”这样纯泰语的词汇。

แต่แล้วหากท่านผู้อ่านจะหาคำว่า “ตูด” ในศิลาจารึกภาษาไทย ก็จะไม่พบคำนี้เลย แม้กระทั่งในหลัก 1 (พ่อขุนรามคำแหง) ก็ไม่มีเลย
但是大家如果去泰国的 石碑中寻找的话,也不会发现这个词,即使是兰甘亨石碑上也没有。

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงหันไปดูภาษาอื่นว่าเขามีคำที่มีเสียงคล้ายๆ กันไหม?
如果是这样的话,就要 去看看其他语言里有没有发音类似的词汇了。

เมื่อค้นดูนานๆ เข้า จึงพบคำภาษาอังกฤษคำหนึ่ง เขียนว่า “Toot” (เสียงแตร) อังกฤษออกเสียงว่า “ทู้ต” ฝรั่งเศสออกเสียงว่า “ตู๊ด” คำนี้แหละจะเป็นต้นตอของคำไทย “ตูด” หรือเปล่า?
找了很长时间发现了一个英 语词汇,写作Toot(喇叭的声音),英语里读作/thut/,法语里读作/tut/,那这个词是不是ตูด的来源呢?

หลักฐานที่กระตุ้นให้ผมสงสัยในเรื่องนี้ คือสุภาษิตพื้นเมืองอังกฤษที่ว่า Beans, beans are musical fruit. The more you eat, the more you toot. The more you toot the better you feel. So beans, beans for every meal.
让我对这件事持续产生 疑惑的原因来自一首英国民间的歌谣:“Beans, beans are musical fruit. The more you eat, the more you toot. The more you toot the better you feel. So beans, beans for every meal”。

ถ้าจะแปลให้เป็นภาษาไทยก็คงว่า “ถั่วเอ๋ย ถั่วนั้นเป็นอาหารดนตรีแท้ ยิ่งรับประทานยิ่งบรรเลงเสียงแตรตู๊ดๆ เสียง บรรเลงตู๊ดๆ ยิ่งเจริญสุขภาพใจ-กาย จึงควรกินถั่วเข้าไปทุกมื้อเอย”
翻译成泰语的意 思是:“豆子啊,豆子是有音韵的食物,越吃越能演奏出嘟嘟的声音,越演奏嘟嘟的声音,就越对身心健康有益,所以每顿饭都应当吃豆子。”

(จะแปลอักษรว่า ทู๊ด หรือ ตู๊ด ก็ตาม) อังกฤษและฝรั่งเศสใช้เป็นเสียงแตรอย่างเช่นในเพลงแตรที่ใช้เรียกพลทหารมารับประทานอาหาร ที่มีบทว่า
(不管是写成/thut/还是/tut/)英语和法语里把它用作喇叭声音的拟声词,就像是叫士兵吃饭的军号一样:

“Come to the cookhouse door, boys; Come to the cookhouse door.” “มาเถิด เจ้าหนุ่มเอ๋ย มาที่ประตูโรงครัว”
“来餐厅,士兵 们,来餐厅”

ถ้าจะแปลเป็นภาษาแตร มันก็ออกเป็น “ตู๊ด ตะระรูดตู๊ดตูดตู่ รู้ดตะระหรูดตู๊ดตู่”
翻译成号声的语 言就是:“tut tararaututtuttu rutararuttuttu”

เมื่อเสียงแตรของฝรั่งเข้าใกล้คำว่าตูดที่คนไทยทุกวันนี้ใช้กัน ผมจึงสงสัยว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า จนในที่สุดผมพบหลักฐานที่แน่นอนคือจดหมายเหตุของท่าน เชอวาลีเยร์เดอลาแมร์ด ซึ่งเข้ามาเป็นตรีทูตสมัยพระนารายณ์มหาราช
当西方人的号声和泰国人 现在用的ตูด声音很接近时,我就怀疑这二者有没有什么联系?

ในจดหมายเหตุของท่านเชอวาลีเยร์มีความว่า ในการจะทำสัญญาทางการค้าระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ท่านก็จำเป็นต้องเข้าเฝ้าเจ้าพระยาพระคลังบ่อยครั้ง เจ้าพระยาพระคลังนั้นสูงอายุ สังขารค่อนข้างเสื่อม เข้าเฝ้าที่ใด ท่านนอนอยู่บนพระแท่นตลอด และมักผายลมตลอดระยะเวลาที่เข้าเฝ้าอยู่นั้น สำหรับคนไทยนั้นความเข้าใจดีในปัญหาทางสรีระที่มักเกิดแก่คนชรา จึงไม่ถือไม่ว่า แต่สำหรับฝรั่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ขายหน้ายิ่งนัก
在法国使臣亚历山大·德·肖蒙的记录中提到,暹罗和法国要进行贸易,他必须经常去会见暹罗负责财政的大臣,财政大臣的年事较高,身体不是非常好,会见的时候每次都是躺 着,并且一直会放屁。泰国人对老年人出现的身体上的问题比较宽容,所以不会忌讳什么,但是西方人认为这是一件非常丢脸的事情。

อย่างไรก็ดีชาวฝรั่งเศสที่เข้าเฝ้าเจ้าพระยาพระคลัง ล้วนแต่เป็นนักการทูต จึงพอหาวิธีกลบเกลื่อนเหตุการณ์ที่น่าละอายนี้ได้ กล่าวคือ ทีไรที่เจ้าพระยาพระคลังผายลมออกมา “ปื๊ด” ทูตเอกจะหันหน้าเข้าหาทูตโท ถามว่า
来会见暹罗财 政大臣的法国人全部都是使臣,所以就找办法来掩盖这种尴尬的事情,每次财政大臣放屁的时候,大使就对副使说:

“เสียงตู๊ดๆ นี้มาจากไหน”
“嘟嘟声是哪 里传来的?”

ทูตโทว่า “อ๋อ เขาสวนสนามกันหน้าวังเสียงตู๊ดๆ (แตร) มันจากทางโน่นไง่ล่ะ”
副使就会说 :“哦,别人在宫前面迎面遇到,有按喇叭的嘟嘟声,就是那里传来的。”

ฝรั่งจึงหายเขิน
法国人就 避免了尴尬。

แต่สำหรับบ่าวไพร่ของเจ้าพระยาพระคลังเขาไม่รู้สึกเก้อเขินในการที่เจ้านายผายลม แต่เขาพยายามจับความที่พวกทูตฝรั่งเศสเจรจากันก็แปลกันเองว่า
但是财政大 臣的侍从并不会因为大臣放屁而感到尴尬,而是记住了法国使臣们交流的内容,

“เสียงนี้มาจากไหน?” “ก็มาจาก “ตู๊ด” ของท่านนั่นแหละ”
“嘟嘟声来 自哪里?”“就是大臣放屁的声音。”

“ตู๊ด” หรือ “ตูด” จึงกลายเป็นคำนิยม ของชาววังและข้าราชการ และในที่สุดชาวบ้านสามัญๆ ก็ได้รับทอดว่า “ตูด” ก็คือ “ก้น” นั่นเอง
“ตู๊ด”或“ตูด”就成了宫内公务人员间流行的词,后来被大众接受,认为ตูด和ก้น一样,都是屁股的意思。

 

原来这个词背后还有这么有意思的故事!

 

声明:本文由沪江泰语编译整理,素材来自silpa-mag,未经允许不得转载。如有不妥,敬请指正。